Thursday, July 9, 2009

สธ.ออกคำแนะนำหวัด 09 ฉ.8 แนะวิธีดูแลตัวเองเมื่อป่วย

กระทรวงสาธารณสุขออกประกาศคำแนะนำการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) หรือหวัด 2009 ฉบับที่ 8 ระบุเป็นโรคมีความรุนแรงปานกลาง ประเทศไทยส่วนใหญ่พบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล พร้อมแนะวิธีการดูแลตัวเองเมื่อป่วย

โดยประกาศฉบับนี้ของกระทรวงสาธารณสุขระบุว่า ปัจจุบันการแพร่ระบาดใหญ่ทั่วโลกของโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ชนิดเอ (เอช 1 เอ็น 1) ได้แผ่ขยายไปอย่างรวดเร็ว โดยโรคมีความรุนแรงปานกลาง ประเทศไทยส่วนใหญ่พบในกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีรายงานมากกว่า 60 จังหวัดแล้ว ขณะนี้ผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน นักศึกษา รองมาเป็นคนวัยทำงาน

คำแนะนำทั่วไป

ประชาชนทุกคนควรมีความรู้ความเข้าใจโรคที่ถูกต้อง ไม่ตื่นตระหนก รู้วิธีการป้องกันตนเองไม่ให้ติดเชื้อ โดยการติดตามข้อมูลคำแนะนำต่างๆ จากกระทรวงสาธารณสุข รักษาสุขภาพให้แข็งแรง ออกกำลังกายสม่ำเสมอ รับประทานอาหารมีประโยชน์ ผัก ผลไม้ ไข่ นม นอนหลับพักผ่อนให้พอเพียง หมั่นล้างมือบ่อยๆ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีกับผู้ป่วยที่มีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และฝึกนิสัยไม่ใช้มือแคะจมูก ขยี้ตา หรือจับต้องใบหน้า ถ้าจำเป็นควรใช้กระดาทิชชูจะปลอดภัยกว่า ดูแลตนเองหรือคนในครอบครัวที่ป่วยได้ และป้องกันไม่แพร่เชื้อให้คนรอบข้าง โดยการหยุดเรียน หยุดงาน ปิดปากจมูกเวลาไอจามด้วยกระดาษทิชชู สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่กับผู้อื่น และหมั่นล้างมือบ่อยๆ ซึ่งจะช่วยควบคุมไม่ให้เกิดการระบาด และลดผลกระทบด้านต่างๆ ได้มากที่สุด

ผู้ป่วยโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่จะมีอาการป่วยใกล้เคียงกับไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลที่เกิดขึ้นทุกปี คือมีไข้ ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยเนื้อตัว อ่อนเพลีย ไอ เจ็บคอ คัดจมูก น้ำมูกไหล เบื่ออาหาร บางรายอาจมีอาเจียน ท้องเสียร่วมด้วย มีรายงานอาการสมองอักเสบ 4-5 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่ (95%) จะมีอาการทุเลาขึ้นตามลำดับ คือ ไข้ลดลง ไอน้อยลง รับประทานอาหารได้มากขึ้น และหายป่วยภายใน 5-7 วัน จึงไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาล

ผู้ป่วยน้อยราย (5%) ที่มีอาการป่วยรุนแรงซึ่งเสี่ยงต่อการเสียชีวิต คือ ไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน ซึมหรืออ่อนเพลียมาก รับประทานอาหารไม่ได้ ไอมากจนเจ็บหน้าอก เกิดปอดบวม (หายใจถี่ หอบ เหนื่อย) นั้นพบว่า ส่วนใหญ่ (70%) เป็นกลุ่มผู้ที่มีภาวะเสี่ยง เช่น มีโรคประจำตัวเรื้อรัง (โรคปอด หอบหืด โรคหัวใจ โรคเลือด ไต เบาหวาน ฯลฯ) ผู้มีภูมิต้านทานต่ำ (โรคมะเร็ง ฯลฯ) โรคอ้วน ผู้สูงอายุมากกว่า 65 ปี เด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี หญิงมีครรภ์ อย่างไรก็ตาม มีส่วนหนึ่ง (30%) ที่มีอาการรุนแรงแต่ไม่สามารถสอบสวนหาภาวะเสี่ยงต่อการเสียชีวิตได้ ดังนั้น ผู้ป่วยที่มีภาวะเสี่ยงและผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จึงต้องรีบไปรับการรักษาที่โรงพยาบาลของรัฐหรือโรงพยาบาลเอกชนขนาดใหญ่ทันที

การดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงที่บ้าน

  • หากผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง เช่น ไข้ไม่สูงมาก ตัวไม่ร้อนจัด ไม่ซึมหรืออ่อนเพลียมาก และพอรับประทานอาหารได้ สามารถดูแลรักษาตัวที่บ้านได้ โดยปฏิบัติดังนี้
  • ผู้ป่วยควรหยุดเรียน หยุดงาน และพักอยู่กับบ้านหรือหอพัก ไม่ออกไปนอกบ้านเป็นเวลาอย่างน้อย 7 วันหลังวันเริ่มป่วย หรือหลังจากหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้พ้นระยะการแพร่เชื้อ
  • แจ้งสถานศึกษาหรือที่ทำงานทราบ เพื่อจะได้เฝ้าระวังโรคไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ และป้องกันควบคุมโรคได้อย่างทันท่วงที
  • ให้ผู้ป่วยรับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล (ห้ามใช้ยาแอสไพริน) และยารักษาตามอาการ เช่น ยาละลายเสมหะ ยาลดน้ำมูก ตามคำแนะนำของเภสัชกร หรือสถานบริการทางการแพทย์ หรือคำสั่งของแพทย์
  • ไข้หวัดใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่จำเป็นต้องรับประทานยาปฏิชีวนะ ยกเว้นพบเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ต้องรับประทานทานยาให้หมดตามที่แพทย์สั่ง
  • เช็ดตัวลดไข้ด้วยน้ำสะอาดอุ่นเล็กน้อยเป็นระยะ โดยการเช็ดแขนขาย้อนเข้าหาลำตัว เน้นการเช็ดลดไข้บริเวณหน้าผาก ซอกรักแร้ ขาหนีบ ข้อพับแขนขา และใช้ผ้าห่มปิดหน้าอกระหว่างเช็ดแขนขา เพื่อไม่ให้หนาวเย็นจนเสี่ยงเกิดปอดบวม หากผู้ป่วยมีอาการหนาวสั่น ต้องหยุดเช็ดตัว และห่มผ้าให้อบอุ่น
  • ดื่มน้ำสะอาดและน้ำผลไม้มากๆ งดดื่มน้ำเย็นจัด
  • พยายามรับประทานอาหารอ่อนๆ รสไม่จัด เช่น โจ๊ก ข้าวต้ม ไข่ ผัก และผลไม้ให้พอเพียง
  • นอนพักผ่อนมากๆ ในห้องที่อากาศไม่เย็นเกินไป และมีอากาศถ่ายเทสะดวก
  • หากอาการป่วยรุนแรงขึ้น เช่น ไข้ไม่ลดลงภายใน 3 วัน ซึมหรืออ่อนเพลียมาก รับประทานอาหารไม่ได้ ไอมากจนเจ็บหน้าอก เกิดปอดบวม (หายใจถี่ หอบ เหนื่อย) ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที

การป้องแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นๆ ในบ้าน

  • ผู้ป่วยควรนอนแยกห้อง ไม่ออกไปนอกห้องจนกว่าจะหายเป็นปกติแล้วอย่างน้อย 1 วัน เพื่อให้พ้นระยะการแพร่เชื้อ
  • รับประทานอาหารแยกจากผู้อื่น หากอาการทุเลาแล้ว อาจรับประทานอาหารร่วมกันได้ แต่ใช้ช้อนกลางทุกครั้ง
  • ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ ร่วมกับผู้อื่น
  • ปิดปากจมูก เวลาไอ จาม ด้วยกระดาษทิชชู แล้วทิ้งทิชชูลงในถังขยะ และทำความสะอาดมือด้วยแอลกอฮอล์เจล หรือน้ำและสบู่หรือบ่อยๆ
  • ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นด้วยการสวมหน้ากากอนามัย
  • ผู้ดูแลผู้ป่วยควรสวมหน้ากากอนามัย
  • คนอื่น ๆ ควรอยู่ไกลจากผู้ป่วยประมาณ 1-2 เมตร หรืออย่างน้อยประมาณหนึ่งช่วงแขน

แหล่งข้อมูลการติดต่อเพื่อปรึกษากับเจ้าหน้าที่สาธารณสุขในพื้นที่

  1. กรุงเทพมหานคร ติดต่อได้ที่ กองควบคุมโรค สำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร โทรศัพท์ 0 2245 8106, 0 2246 0358 และ 0 2354 1836
  2. ต่างจังหวัด ติดต่อได้ที่ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทุกแห่ง

ติดตามข้อมูลและรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่

เว็บไซต์กระทรวงสาธารณสุข www.moph.go.th และหากมีข้อสงสัย ติดต่อได้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการ กรมควบคุมโรค หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-3333 และศูนย์บริการข้อมูลฮอตไลน์ กระทรวงสาธารณสุข หมายเลขโทรศัพท์ 0-2590-1994 ตลอด 24 ชั่วโมง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 กรกฎาคม 2552 12:31 น.

Wednesday, July 8, 2009

ไทยติดอันดับผู้ป่วยสูงสุดในเอเชีย!

นายมานิต นพอมรบดี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า
ผู้เสียชีวิตจากเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 วันนี้อีก 2 ราย นับเป็นรายที่ 10 และ 11 ที่พบในประเทศ
ซึ่งรายที่ 10 นั้น เป็นชายชาวพัทลุงที่ไปเสียชีวิตที่ จ.ภูเก็ต ส่วนรายที่ 11 นั้น เป็นหญิงวัย 20 ปี
เสียชีวิตไปตั้งแต่วันที่ 6 ก.ค.52 โดยเบื้องต้นทราบว่าป่วยเป็นโรคไทรอยด์เป็นพิษ
ส่วนรายละเอียดนั้น แพทย์เจ้าของไข้แต่ละรายจะมีการแถลงให้ทราบอีกครั้ง

สำหรับยอดผู้ติดเชื้อวันนี้พบเพิ่มอีก 290 ราย มากที่สุดตั้งแต่เริ่มพบผู้ป่วยในประเทศ
ทำให้ขณะนี้มียอดผู้ป่วยติดเชื้อรวม 2,714 ราย ส่วนใหญ่หายขาดแล้ว เหลือเพียง 110 ราย
ที่ยังต้องรอดูอาการอยู่ที่โรงพยาบาล และคาดว่าจะพบเพิ่มอีก 2-3 เท่า ในวันพรุ่งนี้
หลังประชาชนกลับจากหยุดยาว
แต่ยืนยันไม่กังวลและเชื่อในความสามารถของแพทย์ว่าจะให้การรักษาประชาชนได้อย่างเต็มที่

ที่มา http://www.bangkokbiznews.com/

หน้ากากป้องกันไข้หวัดใหญ่ 2009


อันนี้เป็นหน้ากากที่เค้าเสนอว่าป้องกันโรคได้ครับ จะหาซื้อได้ทั่วไปได้มั้ยเนี้ย !!

Viramask N99 คือหน้ากากสำหรับป้องกันอันตรายจากแบคทีเรีย ผุ่นละออง และไวรัส ซึ่งมีประสิทธิภาพการกรองสูงสุด 0.075μm (ขนาดอนุภาคไวรัส) ด้วยเทคโนโลยี Faceseal ที่คิดค้นและวิจัยเป็นเวลา 5 ปี โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันที่มีชื่อเสียงทั้งในประเทศแคนาดาและสหรัฐอเมริกา

Viramask N99 แตกต่างจากหน้ากากทั่วไปตามท้องตลาด เป็นผลิตภัณฑ์แรกและหนึ่งเดียวที่สามารถป้องกันเชื้อหวัดมรณะได้ถึง 99.95% ได้รับการรับรองจาก CDC/NIOSH US. Goverment ซึ่งเป็นองค์กรรัฐที่มีหน้าที่ควบคุมและป้องกันโรคระบาดร้ายแรงของประเทศสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control and Prevention / National Institute for Occupational Safety and Health ) นอกจากนั้น Viramask ยังได้ผ่านกระบวนการทดสอบโดย FDA (United States the Food and Drug Administration) โดยการทดลองจากศูนย์ปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์เนลสัน

ด้วยประสิทธิภาพอันดีเยี่ยมที่ได้รับการยอมรับไปทั่วโลก ส่งผลให้ Viramask N99 ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในการนำมาใช้เพื่อป้องกันโรคระบาดไข้หวัดมรณะ 2009 โดยในประเทศญี่ปุ่นมียอดขายมากถึง 10 ล้านชุดในเวลาเพียงไม่กี่เดือน